ข่าวประชาสัมพันธ์

แพะกรุงศรี Heart of Halalอาหารของทุกคน

พัฒนา แพะกรุงศรีเป็น  Heart of Halal ต่อยอดฮาลาลเป็นอาหารของทุกคน สร้างมาตรฐาน ฟาร์มปลอดโรค จัดเมนูใหม่ตั้งแต่ร้านเตี๋ยวเรือ ยันพาสต้า สเต็กแพะ ผลงาน มทร.สุวรรณภูมิ ทุนสนับสนุน บพท. แก้ตกจุดด้อยเรื่องกลิ่น สร้างระบบเขียงแบบเนื้อสัตว์บริโภค เสกรายได้ผู้เลี้ยงจากเดือนละ 6,700 เป็น 87,000

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ (มทร.สุวรณภูมิ) ได้ดำเนินโครงการวิจัย พัฒนาผู้ประกอบการเกี่ยวกับแพะสู่ธุรกิจฮาลาล ด้วยห่วงโซ่คุณค่าใหม่ สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ภายใต้จากกรอบวิจัย LE  (การพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการในพื้นที่ (Local Enterprises) บนฐานทรัพยากรพื้นถิ่น สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่ ยกระดับคุณภาพของเนื้อแพะให้ได้มาตรฐาน ด้วยคุณภาพและผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคทั่วไป

ผศ. ดร.กนกพร ภาคีฉาย อาจารย์คณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ มทร.สุวรรณภูมิ ในฐานะหัวหน้าโครงการ กล่าวว่า โครงการแพะกรุงศรีสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งระดับต้นน้ำและกลางน้ำ  สร้างมาตรฐานของการเลี้ยงแพะ แก้ปัญหาเรื่องกลิ่นสาบสำเร็จ มีฟาร์มมาตรฐาน ฟาร์มปลอดโรค GFM  3 ฟาร์ม   การสร้างเขียงแพะ เปลี่ยนรูปแบบการซื้อขายแพะเป็นตัว เปลี่ยนเป็นการแยกขายเป็นส่วน ๆ  การจัดการปลายน้ำสร้างผลิตภัณฑ์จากเนื้อแพะในนาม แพะกรุงศรี ทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน เกิดการบริโภคเนื้อแพะเพิ่มขึ้น 213.12 ตันต่อปี  ใช้ทรัพยากรทางการเกษตรเพิ่มขึ้น 233.6 ตันต่อปี  การจ้างงานใหม่ 156 ตำแหน่ง เกิดการกระจายรายได้ในพื้นที่ปีละ 99.512 ล้านบาท เกษตรกรผู้เลี้ยงแพะที่เข้าร่วมโครงการ มีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากเดือนละ 6,700 บาท เป็น 87,230.13 บาท

ผศ. ดร.กนกพร กล่าวว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่ยังไม่เคยบริโภคเนื้อแพะ ไม่มั่นใจเรื่องมาตรฐานการเลี้ยงและกลิ่นสาบของเนื้อ  จึงต้องทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยง300 ราย จาก 7 อำเภอ คือ อ.วังน้อย อ.เสนา อ.ผักไห่ อ.อุทัย อ.ภาชี อ.บางปะอิน และอ.พระนครศรีอยุธยา ที่เข้าร่วมโครงการระยะที่ 1 (พ.ศ.2564-2565) มีความรู้และทักษะในการเลี้ยงแพะที่ถูกต้อง เหมาะสม ให้ได้เนื้อแพะที่มีมาตรฐาน แก้ปัญหาเรื่องกลิ่นสาบ

ผศ. สนธยา มูลศรีแก้ว นักวิจัย มทร.สุวรรณภูมิ กล่าวว่า เนื้อแพะโตเต็มวัยอายุเกิน 1 ปีจะเริ่มมีกลิ่นสาบ หากเลี้ยงแพะให้มีน้ำหนัก 20 กิโลกรัม ขายออกในเวลาสั้นกว่า 1 ปีก็จะแก้ปัญหาเรื่องกลิ่นได้ 

กระบวนการเลี้ยงให้ได้มาตรฐานและลดกลิ่นคือ 1. เลี้ยงแพะพันธุ์ผสมซึ่งโตเร็วกว่าพันธุ์พื้นเมือง 2. อาหารที่ให้คุณค่าทางพลังงาน โปรตีน แร่ธาตุ ตรงกับความต้องการของแพะ ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น เช่นเปลี่ยนจากข้าวโพดเป็นข้าวเปลือก  นำใบและกิ่งของต้นกระถินเป็นแหล่งโปรตีนทดแทนถั่วเหลืองที่ต้องซื้อจากภายนอก  3. ถ่ายทอดเทคนิคการจัดการฟาร์มแพะที่ถูกต้องให้กับเกษตรกร   3 องค์ประกอบนี้ ทำให้ได้เนื้อแพะที่ไม่มีกลิ่นสาบหรือมีน้อยลง และเป็นการเตรียมยกระดับสู่การเป็นฟาร์มเลี้ยงแพะที่มีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม หรือ GFM (Good Farming Management : GFM)  เป็นโอกาสก้าวสู่ตลาดโมเดิร์นเทรดต่อไป

โครงการระยะที่ 1 มีการวิเคราะห์คุณลักษณะของเนื้อแพะร่วมกับผู้ประกอบการร้านอาหารในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาพัฒนาเมนูอาหารใหม่ ๆ ที่มีเนื้อแพะเป็นวัตถุดิบ เช่น แพะเตี๋ยวเรือ บาร์บิคิวแพะ ตลอดจนเมนูสากล อาทิ พาสต้าแพะ สเต็กแพะ เป็นต้น ภายใต้คอนเซ็ปต์แพะกรุงศรี อร่อยดี มีประโยชน์  ได้รับการสนับสนุนออกร้านในงานสำคัญ ๆ ของจังหวัดมาแล้วหลายครั้ง

ผศ. ดร.กนกพร ภาคีฉาย กล่าวว่า ผลการดำเนินโครงการระยะที่ 1  ทำให้คนต้นน้ำและผู้ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมแพะของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเห็นเป้าหมายการสร้างตลาดใหม่ เห็นความสำคัญของการสร้างระบบการจัดการฟาร์มที่ดีตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำภายใต้แนวคิด Farm to Table   โครงการระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 - 2567) จึงสร้างรูปธรรมการส่งต่อเนื้อแพะจากเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะให้ถึงมือผู้บริโภคกลุ่มใหม่ ๆ โดยเฉพาะคนในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และนักท่องเที่ยว ได้รับประทานเนื้อแพะคุณภาพภายใต้คอนเซ็ปต์ แพะคุณภาพดี มีมาตรฐาน บนฐานวัฒนธรรม หรือ HEART of Halal for All กระตุ้นด้วยคำโปรยที่ว่าแพะกรุงศรี ต้องลอง ถึงรู้ว่าอร่อย

โครงการระยะที่ 2 เป็นการผลักดันให้เกิดเขียงแพะ เชื่อมร้อยเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะกับตลาดผู้บริโภค กระบวนการชำแหละ ออกมาส่วน ๆ เช่น น่อง สันใน ฯลฯ  แทนการขายเป็นตัวให้กับพ่อค้าคนกลางแบบเดิม 

การเลี้ยงแพะ คือ อาชีพดั้งเดิมของเกษตรกรในชุมชนมุสลิมหลายพื้นที่ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เนื่องจากเลี้ยงง่าย เป็นที่ต้องการสูงของผู้บริโภคมุสลิมทั้งใน และนอกพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ ในช่วงปี 2564 มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เกิดภาวะเศรษฐกิจซบเซา ความต้องการบริโภคเนื้อแพะลดลง สวนทางกับปริมาณเนื้อแพะที่เพิ่มขึ้น เพราะการลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน จนล้นตลาด คนเลี้ยงแพะถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง อาจทำให้อาชีพเลี้ยงแพะลดลงหรือสูญหายไปจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ทางออกหนึ่งของการแก้ปัญหาคือ เพิ่มความต้องการบริโภคเนื้อแพะในพื้นที่ให้มากขึ้น  เปลี่ยนกลุ่มผู้บริโภคจากอาหารสำหรับคนมุสลิม มาเป็นอาหารที่คนทุกเพศทุกวัยรับประทานได้ เช่นเดียวกับเนื้อวัว ด้วยจุดเด่นที่คือ โปรตีนสูง ไขมันต่ำ 

#