CIBA DPU จับมือ ออมสิน เปิดโครงการ 'ออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น 2568' ปีที่ 7 หนุนนักศึกษาลงพื้นที่ นนทบุรี-นครปฐม พลิกโฉมผลิตภัณฑ์ชุมชน สร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจฐานราก
วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ร่วมกับ ธนาคารออมสิน เปิดโครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น 2568 เพื่อส่งเสริมให้นักศึกษานำความรู้ภาคทฤษฎีสู่การปฏิบัติจริงในการทำงานร่วมกับชุมชนท้องถิ่น ยกระดับคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของชุมชนอย่างยั่งยืน
อาจารย์สุรชัย สวนทับทิม รองคณบดีและหัวหน้าหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาธุรกิจระหว่างประเทศและสาขาวิชาการจัดการ วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการฯ เปิดเผยว่า CIBA ได้เข้าร่วมโครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่นต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 โดยยึดกรอบแนวทางส่งเสริมให้นักศึกษานำความรู้และทักษะไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาชุมชน ดำเนินการภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารออมสิน ภาค 5 ซึ่งรับผิดชอบ 4 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี นครปฐม สุพรรณบุรี และกาญจนบุรี โดยจัดส่งนักศึกษา 5 กลุ่ม จาก 3 คณะ ได้แก่ วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี คณะศิลปกรรมศาสตร์ และคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม ลงพื้นที่เพื่อศึกษาและเก็บข้อมูลจาก 5 ชุมชนในจ.นนทบุรีและนครปฐมช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ภายหลังการลงพื้นที่ นักศึกษาได้วิเคราะห์ประเด็นปัญหาและนำเสนอแนวทางการแก้ไขต่อธนาคารออมสินและคณะกรรมการในการนำเสนอโครงการย่อย โดยคณะกรรมการได้กำหนดเกณฑ์การพิจารณาที่มุ่งเน้นให้การดำเนินโครงการสอดคล้องกับวัตถุประสงค์หลักในการส่งเสริมศักยภาพและพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก มีแผนงานที่เป็นรูปธรรม และพัฒนาชุมชนให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาว โดยนักศึกษาได้นำเสนอโครงการย่อยจาก 5 ชุมชน ประกอบด้วย
1. ทีมวิจิตรนนทรี นำเสนอผลิตภัณฑ์ผ้าทอลายวิจิตรนนทรี จากศูนย์วิสาหกิจทอผ้าจ.นนทบุรี กลุ่มรวมใจรักษ์มหาสวัสดิ์ วัดโคนอนมหาสวัสดิ์ จ.นนทบุรี
2. ทีม U Want We Take นำเสนอผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแม่บ้านท่าอิฐสัมพันธ์ บ้านวัดแดง จ.นนทบุรี
3. ทีม Little Roukies นำเสนอผลิตภัณฑ์อาหาร (ไส้กรอก) จากชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี บ้านขวัญเมือง จ.นนทบุรี
4. ทีม Roots & Routes นำเสนอการพัฒนาธุรกิจและบริการท่องเที่ยว จากกลุ่มท่องเที่ยวชุมชนบ้านยางพัฒนา อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
5. ทีม Summit Seekers นำเสนอวิสาหกิจชุมชนเสื้อผ้าสำเร็จรูปและมัดย้อม (วงเดือนมัดย้อม: WONGDUENMATYOM) จ.นนทบุรี
อาจารย์สุรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า เป้าหมายของโครงการ คือ การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าในชุมชน สร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน แต่ละปีจะมี 5 ชุมชนเข้าร่วมโครงการ จากการสำรวจของมหาวิทยาลัย ธนาคารออมสิน หรือร่วมกับสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด (พช.) คัดเลือกชุมชนที่มีสินค้าที่น่าสนใจ หรือชุมชนที่มีอัตลักษณ์โดดเด่น เพื่อต่อยอดและพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจได้
โครงการฯ มีเงื่อนไขให้แต่ละมหาวิทยาลัยกลับไปติดตามผลชุมชนเดิมอย่างน้อย 2 ชุมชน เพื่อประเมินความก้าวหน้าและให้การสนับสนุนเพิ่มเติม หนึ่งในปัญหาสำคัญที่พบ คือ แรงงานในชุมชนส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัย ทำให้การพัฒนาชุมชนขาดความต่อเนื่อง ชุมชนที่เข้มแข็งและสานต่อโครงการได้ส่วนใหญ่มีเครือข่ายเข้ามาช่วยเหลือ จึงทำให้เกิดความยั่งยืนมากขึ้น
อาจารย์สุรชัย กล่าวด้วยว่า จุดเด่นของโครงการออมสินยุวพัฒน์ฯ คือ นักศึกษาจากหลากหลายสาขาวิชามาทำงานร่วมกัน นำความรู้เฉพาะด้านมาบูรณาการช่วยเหลือชุมชน โดยเฉพาะบัญชีที่มีความต้องการสูงในการช่วยชุมชนจัดทำบัญชีครัวเรือน คำนวณต้นทุน ค่าใช้จ่าย และรายได้ การตลาดก็จะช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ ช่องทางการจัดจำหน่าย ปีนี้หลังผ่านการเสนอโครงการย่อย ลำดับถัดไปจะเป็นการลงพื้นที่ปฏิบัติจริง จากนั้นจะนำเสนอผลสัมฤทธิ์ของโครงการ ผลงานที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะเลิศจะได้เป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัย เข้าร่วมการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ เพื่อแข่งขันกับตัวแทนจากสถาบันอุดมศึกษาจากทั่วประเทศ
"สิ่งที่นักศึกษาได้รับ คือ การนำความรู้จากห้องเรียนสู่การปฏิบัติในสถานการณ์จริง ได้สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับชุมชนต่าง ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาวิชาชีพในอนาคต ธนาคารออมสิน สถาบันการเงินเพื่อสังคม มีบทบาทสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาสินค้าและบริการที่สร้างรายได้อย่างมั่นคง เป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว" อาจารย์สุรชัย กล่าว
