กระทรวง อว. ระดมทุกหน่วยเตรียมเทคโนโลยีล้ำ ลุยช่วยน้ำท่วม 68 พัฒนาAI ครบวงจร แอปเตือนภัยล่วงหน้า 48 ชม.เจาะจงตำบลเฝ้าระวังพิเศษ ติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติ แจ้งสถานการณ์แม่น้ำสายแบบเรียลไทม์ สายช่วยเหลือกู้ภัย ทีมโดรนพัฒนาระบบไฮบริดติดเครื่องยนต์ให้บินนานขึ้น ติดกล้องตรวจจับคนติดค้าง เพื่อบรรเทาทุกข์ทันเวลา
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 น.ส. ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) แถลงข่าวอว. ขับเคลื่อนวิจัยและนวัตกรรมสู้ภัยน้ำ ณ กระทรวง อว. ที่ห้องแถลงข่าวชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า กระทรวง อว.
น.ส.ศุภมาส กล่าวว่า กระทรวง อว. ได้ระดมทุกหน่วยในสังกัด รับมือสถานการณ์น้ำหลาก น้ำท่วม ภัยพิบัติทางธรรมชาติฤดูฝนปีนี้ นำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เชิงพื้นที่ บูรณาการเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ การบริหารจัดการน้ำ แก้ปัญหาภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น พัฒนานโยบายและมาตรการ โดยให้มหาวิทยาลัยและหน่วยงานต่าง ๆ ของกระทรวง อว. ไปมีส่วนร่วมกับพื้นที่และชุมชน ขับเคลื่อนงานวิจัยไปใช้ประโยชน์แก้ไขปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วมระดับพื้นที่ ด้วยกลไกกองทุน ววน. ผ่านหน่วยบริหารและจัดการทุนวิจัย หรือ PMU โดย 5 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) หน่วยบริหารและจัดการทุนเพื่อพัฒนาพื้นที่ (บพท.) หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน (บพค.) และศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและภัยธรรมชาติอย่างครบวงจร
รมว.อว. กล่าวว่าโครงการที่ดำเนินการแล้วคือ จัดตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการสถานการณ์น้ำท่วม อว. เพื่อประชาชน มีคณะทำงาน 3 ชุด รับผิดชอบทุกระยะของภัย ได้แก่ การเฝ้าระวัง การช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ และการฟื้นฟูหลังน้ำลด สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) ร่วมกับมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติในแม่น้ำสาย บริเวณชายแดนไทย–เมียนมา ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงด่านแม่สาย จ.เชียงราย รายงานระดับน้ำแบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชัน “ThaiWater” ซึ่งจะช่วยเตือนภัยล่วงหน้าได้ถึง 3–4 ชั่วโมงก่อนที่มวลน้ำจะมาถึง ขณะเดียวกัน แอปพลิเคชั่นThaiWater ยังพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ชื่อพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษ แจ้งเตือนน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากล่วงหน้า 48 ชั่วโมงในระดับตำบล ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ประเทศพัฒนาแล้วใช้ในการเตรียมการรับมือ มีการบูรณาการกับเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การใช้โดรนเพื่อส่งอาหาร เวชภัณฑ์ และสำรวจพื้นที่ ในช่วงเกิดภัย, การพัฒนาเครื่องมือวิเคราะห์และแจ้งเตือนภัยดินถล่มด้วย IoT และ AI ซึ่งจะพร้อมใช้งานในเดือนกรกฎาคม รวมถึง ผลิตภัณฑ์ยับยั้งเชื้อโรคหลังน้ำลด ที่พัฒนาโดย สวทช. เพื่อใช้ฟื้นฟูบ้านเรือนและสถานที่สาธารณะ
น.ส.ศุภมาส กล่าวอีกว่า กระทรวง อว. ยังร่วมมือกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จัดตั้ง ศูนย์ข้อมูลน้ำระดับจังหวัด มีเป้าหมายขยายให้ครบ 76 จังหวัด สนับสนุนการทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัด เสริมศักยภาพท้องถิ่นในการวางแผนและรับมือภาวะวิกฤติ ให้ สสน. และ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ GISTDA ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบริหารจัดการข้อมูลเชิงพื้นที่ ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดในช่วงฤดูฝน เน้นการสื่อสารกับประชาชนผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงทีผ่าน 3 แอปพลิเคชันเตือนภัยพิบัติ ได้แก่ 1.THAI DISASTER ALERT ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 2.ThaiWater ของ สสน. และ 3.เช็คน้ำ ของ GISTDA
รมว.กระทรวง อว.กล่าวด้วยว่ากรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ฤดูฝนปีนี้ปริมาณฝนจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยร้อยละ 5 อาจเกิดพายุหมุนเขตร้อน 1–2 ลูก บางพื้นที่อาจประสบภาวะน้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมฉับพลัน โดยเฉพาะภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ รัฐบาลได้ยกระดับการบริหารจัดการน้ำให้เป็นวาระแห่งชาติ มีแผนทั้งระยะสั้นและระยะยาว ครอบคลุมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ฟื้นฟูระบบนิเวศ การใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยคาดการณ์ เตือนภัย
นายพิศิษฐ์ มิตรเกื้อกูล นายกสมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับเปิดเผยว่าได้พัฒนาโดรนกู้ภัย เป็นระบบไฮบริด ติดตั้งเครื่องยนต์เชื้อเพลิงน้ำมันคู่กับการบินด้วยแบตเตอรี ให้บินได้นานขึ้น เนื่องจากบางจุดน้ำท่วมเส้นทางเป็นบริเวณกว้างจนรถยนต์ของทีมงานเข้าไม่ถึง จึงปรับให้โดรนขึ้นบินจากจุดที่ห่างไกล พร้อมกับติดตั้งกล้องที่สแกนหาผู้ประสบภัยจากอุณภูมิร่างกายที่อาจตกค้างตามบ้าน และเครื่องขยายเสียงเพื่อสื่อสารให้ทราบว่า มีหน่วยงานภายนอกเข้ามาช่วยเหลือ เพื่อหย่อนอาหารหรือเวชภัณฑ์ได้แม่นยำขึ้น