ข่าวประชาสัมพันธ์

ววน.เผยนวัตกรรมทางรอดสึนามิ

ววน.กางแผนงานวิจัยมุ่งนวัตกรรมทางรอดจากสึนามิ ชี้อนาคตต้องวางแผนรับมือภัยพิบัติเพื่อลดความเสี่ยงและผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ เชื่อมชุมชนถึงระดับนโยบาย ให้ทุกภาคส่วนร่วมคิดร่วมทำ ให้งานวิจัยตอบความต้องการสังคม นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ย้ำสิ่งสำคัญต้องมีระบบเตือนภัยและการอพยพที่ดี

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผอ.สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เป็นประธานเปิดเวทีเสวนาวิชาการจากงานวิจัยและนวัตกรรม...สู่ทางรอดภัยสึนามิ กิจกรรมหนึ่งของงานรำลึก 20 ปี เหตุการณ์สึนามิในมหาสมุทรอินเดีย ระหว่างวันที่ 26-27 ธ.ค. 67 ที่จ.พังงา จัดโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานภาคีเครือข่าย

วช.ริเริ่มงานพัฒนากำลังคนและศูนย์เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหว ทำงานร่วมกันแบบสหวิทยาการ สร้างกำลังคน งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับแผ่นดินไหว ภัยพิบัติต่าง ๆ ให้ทัดเทียมนานาชาติ การใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อป้องกัน บรรเทาภัยพิบัติที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม

ศ. ดร.จักรพันธ์ สุทธิรัตน์ รองผอ.สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)  กล่าวว่างบประมาณโครงการด้านภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ขอผ่านกองทุน ววน. ระหว่างปี 2563-2567 พบว่ามีทุนวิจัยเชิงกลยุทธ์ที่เน้นการป้องกันสึนามิรวม 17.528 ล้านบาท แต่ขาดงานวิจัยประเด็นการบรรเทาปัญหาและการฟื้นฟูเยียวยา “ในอนาคตกองทุน ววน. จะทำงานเชื่อมกับชุมชนไปจนถึงระดับนโยบาย เพราะต้องการให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมตั้งแต่คิดโจทย์จากผู้ใช้ประโยชน์เพื่อทำวิจัยให้ตอบโจทย์ความต้องการของสังคมและนำไปใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง”

ศ. ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย

แผนด้าน ววน. 2566-2570 มียุทธศาสตร์การวิจัยเพื่อยกระดับสังคมและสิ่งแวดล้อมให้พัฒนาอย่างยั่งยืน แก้ไขปัญหาท้าทายและปรับตัวได้ทันต่อพลวัตการเปลี่ยนแปลงของโลก พัฒนานโยบายและต้นแบบเพื่อลดความเสี่ยงและผลกระทบที่เกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ววน. ไม่สามารถทำงานตามลำพังได้ ต้องบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและยกระดับชุมชนท้องถิ่น  

ศ. ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย ผอ.ศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวแห่งชาติ กล่าวว่าสำหรับประเทศไทย สิ่งสำคัญคือระบบเตือนภัยที่ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ ในระดับภูมิภาค รวมถึงมาตรการอพยพหนีภัย ต้องฝึกซ้อมภายใต้สถานการณ์ที่เหมาะสม ผู้แทน ปภ. แจ้งว่าปี 67 ได้รับงบประมาณจัดทำการส่งข้อความเตือนภัยจากโทรศัพท์มือถือไปยังประชาชนในพื้นที่ คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือนก.ค. 68

ผศ. ดร.ปานนท์ ลาชโรจน์ เลขานุการศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวแห่งชาติ กล่าว ว่า ปัญหาหลักคือการปรับปรุงกระบวนการอพยพที่ยังไม่ดีพอ ต้องเฝ้าระวังตั้งแต่ทะเลอันดามันจนถึงฝั่งตะวันตกของเมียนมา เพราะอาจเกิดคลื่นสึนามิสูง 9 เมตรบริเวณพังงาเช่นเดิม ห่วงเรื่องขาดการบำรุงรักษาอาคารหลบภัย ในต่างประเทศเช่นญี่ปุ่นสร้างอาคารอเนกประสงค์เพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่บังคับให้เรียนรู้ แต่ปลูกฝังให้เกิดสภาพแวดล้อมที่บูรณาการกับชีวิตประจำวันและสนุก ฝึกให้ช่วยเหลือตัวเองได้

ผศ.ปัญจพาณ์ สุขโข แกนนำนักศึกษาพยาบาลจิตอาสา สถาบันการพยาบาลศรีสวรินทิรา สภากาชาดไทย กล่าวถึงการให้ความรู้ด้านภัยพิบัติให้เกิดการเรียนรู้และใช้ประโยชน์เพื่อเตรียมรับมือสึนามิ แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ 1) พัฒนาศักยภาพแกนนำแบบมีส่วนร่วม  สร้างโปรแกรมหลักสูตรเตรียมพร้อมรับมือกับแผ่นดินไหวสำหรับแกนนำชุมชน เน้นการเอาตัวรอด เตรียมพร้อมรับแผ่นดินไหว ปฐมพยาบาลทางกายและใจ สถานการณ์จำลอง และแผนเตรียมพร้อมรับ 2) พัฒนาแผนการเตรียมพร้อมแผ่นดินไหวโดยแกนนำสู่ภาคประชาชน 3) ประเมินการใช้หลักสูตรสร้างต้นแบบเตรียมความพร้อมรับมือกับแผ่นดินไหว นอกจากนี้ยังถ่ายทอดความรู้จากงานวิจัยเพื่อการใช้ประโยชน์ สร้างความมั่นคงและเข้มแข็งด้านการจัดการภัยพิบัติ มีโรงเรียนในพื้นที่เสี่ยง แกนนำครูและนักเรียนเป็นกลุ่มตัวอย่าง เพื่อสร้างความรู้ ทักษะการเตรียมพร้อมรับมือ แผนเตรียมพร้อมรับแผ่นดินไหวในโรงเรียน โครงการพัฒนาเยาวชนเตรียมพร้อมรับสาธารณภัย รำลึก 20 เหตุการณ์สึนามิ ณ จังหวัดพังงา ความรู้เกี่ยวกับการเอาตัวรอด การช่วยเหลือผู้อื่น สื่อสารและแผนเตรียมพร้อมรับ การรับรู้ความสามารถของตนเอง

อนึ่ง รองผอ. สกสว. และคณะ ได้ร่วมพิธีเปิดและรำลึกถึงผู้สูญเสีย มี น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทยเป็นประธาน รวมถึงร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับชุมชนในพื้นที่ ณ บริเวณสวนอนุสรณ์สึนามิบ้านน้ำเค็ม ชุมชนบ้านน้ำเค็ม และเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สึนามิบ้านน้ำเค็มด้วย